Ferrari SF90 Stadale ชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อ ฉลองครบรอบ 90 ปี ของทีมแข่ง F1 Scuderia Ferrari ถือเป็น Plug-in Hybrid รุ่นแรกของค่ายม้าลำพองที่น่าสนใจมาก ด้วยรูปลักษณ์ และเทคโนโลยีใหม่ต่างๆ เป็นแนวทางที่จะเกิดขึ้นกับเฟอร์รารี่รุ่นใหม่ๆ ในอนาคต
SF90 ใช้บอดี้แบบคาร์บอนไฟเบอร์ น้ำหนักรถเปล่าอยู่ที่ 1,570 กิโลกรัม การกระจายน้ำหนัก หน้า 45% หลัง 55% ด้านแอร์โรไดนามิค สามารถสร้างแรงกดมหาศาลร่วม 380 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. บริเวณกันชนหน้ามีช่องดักลม ซ้าย-ขวา ขนาดใหญ่ ส่งตรงเข้าหม้อน้ำ 2 ชุด ช่วยลดอุณหภูมิเครื่องยนต์ จัดวางตำแหน่งให้เอียงช่วยลดแรงต้าน ช่องลมตรงกลาง มีหม้อน้ำอีกชุดสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้า ส่วนใต้ท้องรถมีช่องลมลดอุณภูมิเบรกทั้ง 4 ล้อ ด้านข้างตัวรถออกแบบให้รีดลมมากที่สุด ซ่อน Intercooler ไว้ในช่องดักลม ส่งตรงสู่เครื่องยนต์ ส่วนท้ายใช้ฝาครอบเครื่องแบบกระจก มีสปอยเลอร์ท้ายกลมกลืนกับตัวถังเพิ่มแรงกดแบบ Active และดิฟเฟิวเซอท้ายขนาดใหญ่
ห้องโดยสาร มาพร้อมพวงมาลัยท้ายตัด Multi-Function รุ่นล่าสุด ปุ่มควบคุมถูกเปลี่ยนเป็นระบบสัมผัส พร้อม Paddle Shift ขนาดใหญ่ ฝั่งซ้ายมีของใหม่ คือ ปุ่มปรับโหมด eManettino แยกย่อยออกมา 4 รูปแบบ eDRIVE (วิ่งแบบไฟ้ฟ้าล้วน ขับเคลื่อนเฉพาะล้อหน้า วิ่งได้ระยะทาง 25 กม. ความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม.), โหมด Hybrid (ใช้งานพื้นฐาน), โหมด Performance (เครื่องยนต์ทำงานเป็นหลัก และคอยชาร์จพลังงานกลับสู่แบตเตอรี่) และ โหมด Qualify (ทุกระบบประสานพลังเต็มรูปแบบ) ส่วนลูกบิด Manettino แบบเดิมทำงานแยกกัน ยังคงไว้เช่นเคย
หน้าปัดใช้จอดิจิตอล HD ขนาด 16 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่ผ่านจอนี้ทั้งหมด ควบคุมง่าย ผ่านก้านพวงมาลัยฝั่งขวาแบบ Touchpad แผงคอนโซลกลางถูกออกแบบใหม่หมด ปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศแบบสัมผัสเช่นเคย ถัดลงมามีช่องวางของเล็กน้อยกับที่วางแก้วน้ำ กับช่องเสียบ USB และปุ่มเกียร์ดีไซน์ร่องแบบเกียร์แมนน่วล ให้เหมือนเฟอร์รารี่ยุคก่อน
ด้านเครื่องยนต์ใช้แบบ V8 เทอร์โบคู่ 4.0 ลิตร 4WD รีดกำลังได้ร่วม 800 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิด 800 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ/นาที บวกกำลังเสริมจากมอเตอร์ไฟฟ้าอีก 3 ตัว อีก 220 แรงม้า ตีเลขกลมๆ ก็ 1,000 แรงม้าพอดี อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 2.5 วินาที ส่วน 0-200 ใน 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม. ระบบเกียร์ใช้แบบอัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 สปีด เสริมอิเล๊กทรอนิคควบคุมอย่าง eSSC (Side slip angle control), E4WD (eTC,eDiff3), F1Trac, SCME-Frs, FDE2.0 และ ABS/EBD with energy recovery ประสิทธิภาพสูง ระบบเบรกใช้จานคาร์บอน-เซรามิค 398 มม. ทางด้านหน้า และหลัง 360 มม. สวมพร้อมยาง Michelin Pilot Sport 4S ขนาด 255/35 ZR20 และหลังขนาด 315/30 ZR20
SF90 Stadale จะเริ่มส่งมอบรถกันในช่วงต้นปี 2020 สำหรับเมืองไทยคาดว่ามีคนซุ่มจองกันไปเรียบร้อยแล้วแน่นอน คงต้องรอติดตามว่าจะเปิดราคาเท่าไหร่กัน