mtgp-25

มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดสแปนิชจาก เรปโซล ฮอนด้า ออกโรงวิจารณ์ถึงวิวัฒนาการของ โมโตจีพี ว่าจะ “ต้องระวังอย่างมาก” เพื่อไม่ให้ก้าวไปเป็นเหมือน “ฟอร์มูล่าวัน” ที่ “รถแข่ง” มีผลต่อการแข่งขันมากกว่า “นักขับ”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โมโตจีพี มีการพัฒนาที่ยอดเยี่ยมในส่วนของ “แอโรไดนามิค” และระบบปรับความสูงต่ำของตัวรถ (Ride Height devices) ซึ่งนำไปสู่การถกเถียงกันในประเด็นความปลอดภัย และการหารือว่าการเพิ่มเข้ามาของสิ่งเหล่านี้คุ้มค่าหรือไม่กับทุกฝ่าย

นับตั้งแต่ปี 2023 อุปกรณ์ปรับความสูงต่ำด้านหน้าของตัวรถ (Front Ride Height devices) จะถูกแบนออกไปจากการแข่งขัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้ ดูคาติ รู้สึกว่าไม่แฟร์อย่างมากที่ “นวัตกรรม” ของพวกเขาถูกปิดกั้น หลังจากที่ค่ายผู้ผลิตอื่นๆ ลงมติเห็นชอบการแบนนี้

ในการสัมภาษณ์แบบส่วนตัวกับ Autosport แชมป์โลกโมโตจีพี 6 สมัย ได้แสดงความคิดเห็นถึงการขับเคี่ยวของโมโตจีพีในยุคปัจจุบันว่า

“ขณะที่ต้องลงแข่งขันไปด้วยนั้น มาร์เกซ กล่าวว่าเขาได้แสดงความกังวลต่อที่ประชุมด้านความปลอดภัยว่า โมโตจีพี มีความเสี่ยงที่จะเดินหน้าไปสู่เส้นทางที่ “นักบิด” ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในรถแข่งที่ต่างกัน ซึ่งเขาก็เปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับ ฟอร์มูล่าวัน ในปัจจุบัน

“นักบิดที่อยู่กลุ่มหน้า ยังไงก็เป็นคนที่เร็วที่สุดเสมอ” มาร์เกซ กล่าวถึงนักบิดกลุ่มนำในปัจจุบันของ โมโตจีพี ว่าจะกลายเป็นภัยคุกคามหรือไม่?

“มันคือเรื่องจริงในตอนนี้ หรือหลายปีมาแล้ว ทุกๆ ครั้งผมมักรู้สึกว่ารถแข่งเริ่มจะมีความสำคัญมากกว่านักบิดมากขึ้นไปทุกที”

“นักแข่งยังสำคัญกว่ารถแข่ง นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะเชื่อต่อไป แต่ทุกๆ ครั้งที่ลงบิด เวลาหรือผลงานมันจะขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณมี เพราะถ้าคุณไม่มีรถแข่งที่แข็งแกร่ง คุณจะไม่สามารถทำอะไรตามที่ต้องการได้เลย”

“มันไม่เหมือน ฟอร์มูล่าวัน ซึ่งเป็นอีกอย่างที่แตกต่างออกไปอย่างสุดโต่ง แต่เรากำลังเดินไปในเส้นทางนั้น และเราต้องระมัดระวัง”

“และผมได้เริ่มพูดคุยในที่ประชุมความปลอดภัยไปแล้วว่า ‘ทุกคน, เราต้องระมัดระวังนะ เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องรักษาไว้ซึ่งความสำคัญของนักบิด ให้มีมากกว่ารถแข่ง’ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องสำคัญมาก”

“นี่เป็นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่กับรถแข่งบนกริดที่มีแล้ว นักบิดที่เร็วที่สุดก็มักจะเป็น เอเนีย บาสเตียนินี, เป็กโก้ บันยาญ่า, ฟาบิโอ กวาร์ตาราโร และ อเลช เอสปาร์กาโร ในปีนี้”

“และเราต้องมาดูกันว่า… ในอนาคตเราจะสู้กับพวกเขาได้หรือไม่”

By food